วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563

IoT กับ AI สุดยอดเทคโนโลยีโลกยุคใหม่



ไม่ว่าจะเป็น IoT หรือ AI ต่างก็เป็นเทคโนโลยีที่คอยขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่อนาคต แต่หลายๆ คนอาจจะยังมีข้อสงสัยกันอยู่ว่า IoT กับ AI เป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกันหรือไม่ ซึ่งในบทความนี้เราจะกล่าวถึงความแตกต่างของสองเทคโนโลยีนี้กันว่า IoT กับ AI นั้นมีข้อแตกต่างกันอย่างไร


ทำความรู้จักกับ IoT กับ AI กันก่อน


IoT เป็นคำย่อมาจาก Internet of Things แปลงตรงตัวก็คือ “อินเทอร์เน็ตของทุกสิ่ง” หมายถึง การที่อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานเชื่อมต่อกันอย่างอัจฉริยะผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนและเซ็นเซอร์ที่คอยตรวจจับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ตัวอย่างเช่น กล้องวงจรปิดที่สามารถดูออนไลน์ผ่านมือถือได้ เป็นต้น IoT ไม่ได้หมายถึงการที่อุปกรณ์เข้าถึงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตได้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ใดๆ ก็ต่างที่สามารถสั่งการและควบคุมแบบไร้สายได้ด้วย



เราสามารถดูกล้องวงจรปิดผ่านมือถือได้โดยผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ จากผู้ผลิตแต่ละแบรนด์



AI หรือ Artificial Intelligence หรือชื่อภาษาไทยที่เรามักเรียกกันติดปากว่า “ปัญญาประดิษฐ์” คือโปรแกรมที่ถูกเขียนและพัฒนาให้มีความฉลาด มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจได้ และยังสามารถดัดแปลงการประมวลผล ประยุกต์ ให้เป็นไปตามสถานการณ์ต่างๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอการอนุมัติจากมนุษย์ ตัวอย่างเช่น Tengai หุ่นยนต์ HR (Human Resource) สามารถสัมภาษณ์งานและวิเคราะห์สีหน้า ท่าทาง และ น้ำเสียงของมนุษย์ได้ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่เรามักจะเข้าใจว่า AI ทั้งหมดหมายถึงหุ่นยนต์ที่มีความคิดความอ่านเหมือนมนุษย์เท่านั้น แต่อย่างที่กล่าวไปข้างว่า AI คือโปรแกรม ดังนั้นไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหุ่นยนต์เสมอไปอย่างเช่น แอปถ่ายรูปส่วนใหญ่เราใช้งานก็มี AI ที่ตรวจจับใบหน้าและประมวลผลแต่งรูปให้เราเองได้อัตโนมัติ เป็นต้น



Tengai หุ่นยนต์สัมภาษณ์งานจากสวีเดน


สรุปความแตกต่างของ IoT และ AI


ถ้าจะให้สรุปความแตกต่างของสองเทคโนโลยีเข้าใจง่ายเลยก็คือ


- IoT หมายถึงอะไรก็ตามที่สามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้


- AI คือโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาให้มีความฉลาดและประมวลผลได้เหมือนมนุษย์


การทำงานร่วมกันของ IoT และ AI


หลังจากที่ได้ทราบความหมายและตัวอย่างเบื้องต้นของทั้งสองเทคโนโลยีกันแล้ว สังเกตได้ว่า IoT และ AI จะมีการทำงานร่วมกับอุปกรณ์เหมือนกัน แต่หลักการทำงานต่างกันชัดเจน แต่หากนำเทคโนโลยีทั้ง 2 มารวมกันแล้ว จะทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นมีความฉลาดและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขั้น ยกตัวอย่างเช่น


- โทรศัพท์มือถือ iPhone ที่มีผู้ช่วยฉลาดสุดล้ำอย่าง Siri ที่สามารถพูดคุยโต้ตอบกับเราและสามารถสืบค้นหาข้อมูลที่เราต้องการได้จากอินเทอร์เน็ต


- Facebook โซเซียลมีเดียที่เรานิยมใช้กันมี AI ที่สามารถวิเคราะห์ความชอบหรือความสนใจของเราจากกิจกรรมที่เราทำต่างๆ ในโซเซียล และจากนั้นก็แสดงโพสต์หรือโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของเราขึ้นมา


- กล้องวงจรปิดแบบ Robot บางรุ่นที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไวของมนุษย์ได้ และสามารถส่งข้อความแจ้งเตือนมามือถือของเราได้ทันที


- ตู้เย้นอัจฉริยะที่มีกล้องภายในตัวสามารถมองเห็นของที่อยู่ข้างในตู้ได้ และวิเคราะห์หาสูตรอาหารต่างๆ จากของที่เห็นภายในตู้



ตู้เย็นอัจฉริยะที่นอกจากเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับมือถือได้ด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น